เพิ่มประสิทธิภาพเต็ม funnel ด้วยวิดีโอเดียว

• สร้างการเข้าถึงและการรับรู้
  ส่งมอบข้อความของคุณในวงกว้างด้วยโซลูชันโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon เช่น Prime Video และโฆษณาบน Twitch
• กระตุ้นการพิจารณาใช้สัญญาณจากบุคคลที่หนึ่งที่ไม่ซ้ำใครจาก Amazon เพื่อเข้าถึงลูกค้าของคุณด้วยข้อความที่เหมาะสมในเวลาที่ใช่ ผ่านโซลูชันอย่างโฆษณาวิดีโอออนไลน์และ วิดีโอ Sponsored Brands
• ขับเคลื่อนคอนเวอร์ชันเข้าถึงลูกค้าในจุดที่พวกเขาซื้อสินค้า ด้วยความสามารถของโฆษณาวิดีโอแบบโต้ตอบกับผู้ใช้ได้บนสตรีมมิ่งทีวี โฆษณา Sponsored Display และอื่น ๆ อีกมากมาย

• การเข้าถึงเพิ่มขึ้น 15%
• อัตราการดูหน้ารายละเอียดสูงขึ้น 142%
• อัตราการซื้อสูงขึ้น 84%

• สภาพแวดล้อมที่สมจริงและเข้าถึงได้
  มอบบริบทให้ลูกค้าโดยแสดงสินค้าหรือบริการของคุณในสภาพแวดล้อมที่มักมีการใช้งานจริง โดยเฉลี่ย วิดีโอที่นำเสนอสินค้าในบริบทที่เหมาะสมจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิดีโอที่แสดงสินค้าโดยไม่มีบริบทถึง 16% ¹
• เสียงบรรยายหรือการสนทนา
  รวมเสียงบรรยายหรือการสนทนาในวิดีโอของคุณเพื่อมีส่วนร่วมกับลูกค้าและถ่ายทอดข้อความของคุณ โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่มีเสียงบรรยายหรือการสนทนาจะมีผลการดำเนินงานสูงกว่าวิดีโอที่ไม่มีเสียงบรรยายหรือการสนทนา 10% ²
• แนะนำสินค้าในห้าวินาทีแรก
  แนะนำสินค้าของคุณในช่วงต้นของวิดีโอเพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้จักสิ่งที่กำลังรับชม โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่แนะนำสินค้าในช่วงต้นจะมีผลการดำเนินงานสูงกว่าวิดีโอที่ไม่แนะนำสินค้าในช่วงต้นถึง 8% ³
• ข้อความที่อ่านง่ายบนหน้าจอ
  ใช้ข้อความที่เข้าใจง่ายบนหน้าจอที่ตรงกับจังหวะของวิดีโอ โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่ใช้ข้อความที่เข้าใจง่ายบนหน้าจอจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิดีโอที่ไม่มีข้อความหรือมีข้อความที่ยากต่อการติดตามถึง 5% ⁴

• วิดีโอ 30 วินาที
  หากคุณสามารถสร้างวิดีโอได้เพียงหนึ่งคลิป ควรให้ความสำคัญกับเวอร์ชัน 30 วินาที เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาบอกเล่าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าแก่ลูกค้า โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่มีความยาว 30 วินาทีให้ผลการดำเนินงานสูงกว่าวิดีโอ 15 วินาทีถึง 12% อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ วิดีโอที่สั้นเพียง 15 วินาทีก็ยังมีผลกระทบมากกว่าการไม่มีวิดีโอเลย ⁶
• เน้นคุณสมบัติของสินค้า
  การพูดถึงคุณสมบัติของสินค้าช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าสินค้าสามารถตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่มีการพูดถึงคุณสมบัติของสินค้าจะมีผลการดำเนินงานสูงกว่าวิดีโอที่ไม่ได้เน้นคุณสมบัติของสินค้าถึง 8% ⁷
• การเล่าเรื่องราวของสินค้า
  ผู้คนมักถูกดึงดูดด้วยเรื่องราว แม้แต่เรื่องราวง่าย ๆ นำเสนอข้อมูลของคุณในลำดับที่มีเหตุผล โดยมีการแนะนำและสรุปที่ชัดเจน เรื่องราวของคุณควรนำเสนอปัญหาที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้า และใช้สินค้าของคุณเป็นทางแก้ปัญหา โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่ทำตามหลักการนี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิดีโอที่ไม่ปฏิบัติตามหลักการนี้ถึง 7% ⁸
• บุคลิกของแบรนด์
  เน้นค่านิยม สไตล์ และโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้าเป้าหมาย กำหนดสิ่งที่ทำให้บุคลิกของแบรนด์แตกต่าง ตัวอย่างเช่น บุคลิกของแบรนด์ของคุณอาจจะกล้าแสดงออกและเป็นนวัตกรรม อบอุ่นและใส่ใจ หรือหรูหราและซับซ้อน โดยเฉลี่ยแล้ว วิดีโอที่สื่อถึงบุคลิกของแบรนด์จะมีผลการดำเนินงานสูงกว่าวิดีโอที่ไม่แสดงบุคลิกของแบรนด์ถึง 7% ⁹

หากต้องการดูตัวอย่างของโฆษณาวิดีโอที่รวมเอาทุกองค์ประกอบที่สำคัญและองค์ประกอบโบนัสตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น โปรดดูวิดีโอด้านล่างนี้