คู่มือ
การจำกัดความถี่คืออะไร นี่คือวิธีที่จะสามารถช่วยแคมเปญโฆษณาของคุณได้
การจำกัดความถี่ หมายถึงการจำกัดจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฏต่อบุคคลคนเดียวกันในช่วงเวลาหนึ่ง
เริ่มใช้ Amazon Ads เพื่อแสดงสินค้าและสร้างแคมเปญของคุณ
หากคุณมีประสบการณ์จำกัด โปรดติดต่อเราเพื่อขอรับบริการแบบมีการจัดการโดย Amazon Ads มีข้อกำหนดด้านงบประมาณขั้นต่ำ
สร้างโฆษณาแบบต้นทุนต่อคลิก เพื่อช่วยให้ลูกค้าพบสินค้าของคุณบน Amazon
Amazon DSP เป็นแพลตฟอร์มด้านอุปสงค์ที่ช่วยให้คุณซื้อโฆษณาด้วยโปรแกรม เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่และกลุ่มเป้าหมายเดิมบน Amazon หรือปลายทางของบุคคลที่สามได้
การจำกัดความถี่คืออะไร
การจำกัดความถี่เป็นเทคนิคที่ใช้ในการจำกัดจำนวนครั้งของการแสดงโฆษณาแต่ละชิ้นต่อผู้ใช้รายใดรายหนึ่ง อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการจำกัดจำนวนการเห็นโฆษณา การแสดงโฆษณาเดียวกันซ้ำ ๆ หรือมีโฆษณาบ่อยอาจทำให้โฆษณาดูน่าสนใจน้อยลง ลูกค้าอาจมีแนวโน้มที่จะอ่านหรือคลิกโฆษณาน้อยลง อีกทั้งการโต้ตอบและการมีส่วนร่วมจะลดลงตามมา
การจำกัดความถี่มีประโยชน์สำหรับนำไปพิจารณาเมื่อใช้แพลตฟอร์มด้านอุปทาน (SSP) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบตั้งโปรแกรมที่มีเครื่องมือต่าง ๆ ให้แก่ผู้โฆษณา เช่น รายงานข้อมูลวิเคราะห์ และการจัดการพื้นที่โฆษณา

เหตุใดการจำกัดความถี่จึงมีความสำคัญ
การจำกัดความถี่สามารถช่วยให้แบรนด์แสดงโฆษณาแก่ลูกค้าด้วยความถี่ที่ทำให้เนื้อหาน่าสนใจในสายตาของลูกค้า ซึ่งจะช่วยปรับแต่งความสามารถในการมองเห็นโฆษณา นำโฆษณาที่เหมาะสมไปแสดงแก่ลูกค้าที่เหมาะสม และยังช่วยให้มั่นใจได้ว่างบประมาณแคมเปญจะไม่ถูกนำไปใช้กับโฆษณาที่มีแนวโน้มว่าจะถูกละเลยมากขึ้น นอกจากนี้ การให้ความสนใจกับความถี่ของโฆษณาก็ไม่เสียหาย เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา ทั้งที่เป็นวิดีโอและการแสดงผล โดยอิงจากกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเข้าถึง
การจำกัดความถี่ทำงานอย่างไร
การจำกัดความถี่จะวัดจำนวนครั้งที่มีการแสดงโฆษณาหนึ่ง ๆ แก่ลูกค้า และป้องกันไม่ให้มีการแสดงโฆษณาดังกล่าวซ้ำแก่ลูกค้าที่เห็นโฆษณาแล้วเกินจำนวนครั้งที่กำหนด คำสำคัญที่จำเป็นสำหรับการกำหนดความถี่ ได้แก่ ความถี่ของการแสดงผลโฆษณาสูงสุด ความถี่ของการรับชมสูงสุด การจำกัดเวลา และการแบ่งเวลาของวัน

ความถี่ของการแสดงผลโฆษณาสูงสุด
ความถี่ของการเห็นโฆษณาสูงสุดคือจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาในแคมเปญให้แก่ลูกค้า โดยทั่วไปแล้วคือการตัดโฆษณา เพื่อที่จะไม่แสดงแก่ลูกค้ารายเดียวกันซ้ำ ๆ เกินสาม สี่ ห้า หรือสิบครั้ง

ความถี่ของการรับชมสูงสุด
ความถี่ของการรับชมสูงสุดคือจำนวนครั้งที่มีการรับชมหรือโต้ตอบกับโฆษณาในแคมเปญจากลูกค้ารายเดียวกัน การให้ความสนใจกับตัวเลขนี้จะช่วยกำหนดระดับความสนใจของลูกค้า หากเห็นโฆษณาเดิม ๆ และจุดที่ความสนใจนั้นเริ่มลดลง

การจำกัดเวลา
การจำกัดเวลาเป็นรูปแบบของการจำกัดความถี่ ที่จำกัดกรอบเวลาในการแสดงโฆษณา แทนการจำกัดจำนวนครั้งที่แสดง การจำกัดเวลาจะช่วยให้โฆษณาบางรายการสามารถกำหนดจำนวนครั้งที่แสดงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ในขณะที่การจำกัดความถี่จะจำกัดจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาโดยไม่คำนึงถึงช่วงเวลา

การแบ่งเวลาของวัน
การแบ่งเวลาของวันมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการโฆษณาแบบจ่ายเงินต่อคลิก (PPC) แต่ก็สามารถเกี่ยวข้องกับการตั้งค่าการจำกัดความถี่ได้ การแบ่งเวลาของวันเป็นเทคนิคที่ใช้ในการแสดงโฆษณาในเวลาที่ต่างกันของวัน เมื่อต้องการเกี่ยวข้องกับลูกค้าให้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่ขายเครื่องครัวสำหรับอาหารเช้าอาจลองโฆษณาในตอนเช้า หรือแบรนด์ที่โฆษณาอีเว้นต์ด้านกีฬาอาจลองโฆษณาบนแอปมือถือในระหว่างเกมการแข่งขันตอนเย็น
การจำกัดความถี่ที่เหมาะสมที่สุดเป็นอย่างไร
การจำกัดความถี่ค่าเดียวอาจใช้ไม่ได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์และแคมเปญโฆษณาที่ไม่ซ้ำกัน วิธีที่ดีที่สุดในการกำหนดการจำกัดความถี่ที่ดีที่สุดของแบรนด์คือ การเริ่มต้นการทดสอบ และให้ความสนใจใกล้ชิดกับจุดที่การมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าลดลง ตัวอย่างเช่น พิจารณาจำกัดจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาต่อวัน
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจำกัดความถี่
ต่อไปนี้คือขั้นตอนต่าง ๆ ในการเริ่มต้นจัดการและจำกัดความถี่ เวลาคือทุกอย่างเมื่อพูดถึงการจำกัดความถี่ รวมถึงความสามารถในการมองเห็นโฆษณาของคุณ เมื่อกลุ่มเป้าหมายของคุณแสดงความสนใจในโฆษณามากที่สุด และมีอัตราการคลิกต่อจำนวนการมองเห็น (CTR) ของโฆษณาเพิ่มขึ้น
ใส่ใจกับอัตราความสามารถในการมองเห็นโฆษณา
อัตราความสามารถในการมองเห็นโฆษณาคือจำนวนการเห็นโฆษณาที่สามารถดูได้ต่อจำนวนการแสดงผลของโฆษณา ดังนั้นจึงบอกถึงจำนวนครั้งที่ผู้ใช้เห็นโฆษณาของคุณเมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่แสดง ตัวอย่างของโฆษณาที่แสดงแต่ไม่เห็นคือโฆษณาที่ปรากฏในส่วนล่างของหน้าเว็บที่จะต้องให้ผู้อ่านเลื่อนลงไปจึงจะเข้าถึง หากผู้อ่านไม่เลื่อนหน้าเว็บลงไป โฆษณาอาจแสดงอยู่ แต่ผู้อ่านจะไม่มีโอกาสได้เห็นโฆษณาเหล่านั้น การแก้ไขกรณีดังกล่าว โฆษณาอาจมีการโหลดเท่าที่จำเป็น ซึ่งหมายความว่าโฆษณาจะไม่โหลดจนกว่าผู้อ่านจะเลื่อนลงไปที่ตำแหน่งของโฆษณาบนหน้าเว็บ
ปรับแต่งการจำกัดความถี่ตลอดเส้นทางของลูกค้า
การจำกัดความถี่สามารถเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับขั้นตอนต่าง ๆ ในเส้นทางของลูกค้า การใช้การจำกัดความถี่แบบครอบคลุม หรือการจำกัดความถี่เพียงค่าเดียวกับโฆษณาหลายรายการ ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่แนะนำ ลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละขั้นของกระบวนการช้อปปิ้ง เช่น ลูกค้าใหม่กับลูกค้าเก่า อาจต้องการข้อมูลที่แตกต่างกันจากโฆษณา
พิจารณาการหมุนเวียนโฆษณา
นอกจากความถี่และการแบ่งเวลาของวันแล้ว แง่มุมอื่นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับแคมเปญโฆษณาและวิดีโอคือการหมุนเวียนโฆษณา การหมุนเวียนโฆษณาคือแนวทางปฏิบัติในการปรับปรุงลำดับและจังหวะของการแสดงโฆษณาแก่ลูกค้า เพื่อรักษาโฆษณาให้น่าสนใจสำหรับลูกค้า การแสดงรูปภาพโฆษณาที่หลากหลายในช่วงเวลาและความถี่ที่ต่างกันจะทำให้แคมเปญคงอยู่ได้ยาวนานขึ้นก่อนที่ความสนใจจะเริ่มลดลง
ตัวอย่างการจำกัดความถี่
งานวิจัย
จากการศึกษาของ Amazon Ads ในปี 2020 เกี่ยวกับแคมเปญทางเสียง การจำกัดความถี่ที่สูงขึ้นช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์สำหรับผู้โฆษณาทางเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับผู้โฆษณาทางเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เราพบว่าระยะเวลาแคมเปญขั้นต่ำ 30 วันและการจำกัดความถี่ 5 ครั้ง หรือ 6 ครั้ง เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มการพิจารณาได้

บล็อก
งานศึกษาล่าสุดของ L'Oréal พบว่าหลังจากที่แสดงโฆษณาถึง 4 ครั้งแล้ว โฆษณาจะเริ่มมีประสิทธิภาพน้อยลงต่อลูกค้า โดยการทดสอบกับระบบคลาวด์การตลาดของ Amazon แบรนด์สามารถระบุจุดสิ้นสุดคอนเวอร์ชันของลูกค้า

กรณีศึกษา
Flexispot แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ได้ศึกษาการจำกัดความถี่และการแบ่งเวลาของวันในแคมเปญโฆษณาของตน และพบว่าคอนเวอร์ชันดูเหมือนจะสูงหลังจาก 14.00 น. แบรนด์ใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างกลยุทธ์การโฆษณาตามเวลา ซึ่งเข้าถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้าในช่วงบ่าย


การตั้งค่าการจำกัดความถี่กับ Amazon DSP
คุณสามารถเริ่มต้นจำกัดความถี่สำหรับแคมเปญการโฆษณาดิจิทัลของคุณกับ Amazon DSP หลังจากเริ่มดูเมทริกซ์และข้อมูลวิเคราะห์แล้ว คุณสามารถสร้างกฎจำกัดความถี่ที่กำหนดเองสำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณได้
หากคุณมีประสบการณ์จำกัด โปรดติดต่อเราเพื่อขอรับบริการแบบมีการจัดการโดย Amazon Ads มีข้อกำหนดด้านงบประมาณขั้นต่ำ