Honda และ Amazon Ads ได้ให้กลุ่มเป้าหมายนั่งในที่นั่งคนขับด้วยแคมเปญรถไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI เฉพาะบุคคล

ตั้งแต่เริ่มแรก Honda กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาแคมเปญแบบนอกกรอบที่มีความท้าทาย เพื่อทำเครื่องหมายการเปิดตัวรถยนต์ครั้งสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจทำงานร่วมกับ Brand Innovation Lab ของ Amazon Ads ซึ่งเป็นทีมนักยุทธศาสตร์ นักออกแบบชิ้นงานโฆษณา นักเทคโนโลยีการออกแบบ และวิศวกรระดับโลกที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเป้าหมายของผู้โฆษณา

Phil Hruska ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Honda กล่าวว่าแบรนด์ต้องการสร้าง "แคมเปญที่เป็นนวัตกรรมและมีส่วนร่วมเพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับรถยนต์เอสยูวีไร้มลพิษคันแรกของ Honda" เขาอธิบายว่า "การเปิดตัว Honda Prologue ที่ใช้ไฟฟ้าล้วนถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของแบรนด์ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจใช้ความสามารถอันสร้างสรรค์จาก Amazon Ads Brand Innovation Lab เพื่อให้นักช้อปและครอบครัวมีโอกาสสนุกสนานในการทำความฝันและจินตนาการของพวกเขาให้เกิดขึ้นจริงด้วย Honda Dream Generator"

ความกระตือรือร้นของ Honda ในการทดสอบแนวทางใหม่และเทคโนโลยีเกิดใหม่ คือ "แรงบันดาลใจ" สำหรับทีม Amazon Ads ตามที่ Kate McCagg ผู้อำนวยการ Brand Innovation Lab กล่าว เธออธิบายว่า "ความตั้งใจของ Honda ที่จะร่วมเดินทางกับเราในการเดินทางที่สร้างสรรค์นี้ไม่ใช่เรื่องน่าเหลือเชื่อเลย และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์นี้"

ด้วยเรื่องราวที่หลากหลายมากกว่า 190 เรื่อง Honda Dream Generator เปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายสร้างภาพยนตร์ผจญภัย Honda Prologue ที่มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกเกณฑ์สำหรับภาพยนตร์โฆษณาได้ เช่น ตัวละคร (ซึ่งรวมถึงผู้คนทุกวัย ที่ช่วยดึงดูดความสนใจไปที่ฟีเจอร์ที่เหมาะกับครอบครัวของ Prologue) ฉาก และอุปกรณ์ประกอบฉาก ในขณะที่ดู Fire TV ,เลื่อนดูโทรศัพท์มือถือ, ใช้อุปกรณ์ Echo Show หรือเลือกช้อปสินค้าใน Amazon บนคอมพิวเตอร์ได้ จากนั้น Honda Dream Generator จะนำข้อมูลที่ผู้ใช้ให้มามารวมกับภาพที่สร้างด้วย AI เพื่อสร้างวิดีโอแอนิเมชันความยาว 2 นาทีที่นำเสนอ Prologue โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที

โครงการนี้นับเป็นครั้งแรกที่ Brand Innovation Lab ได้พัฒนาแคมเปญที่มีชิ้นงานโฆษณาซึ่งผลิตโดยใช้ Generative AI เพื่อนำแนวคิดนี้ไปใช้จริง พวกเขาได้ร่วมมือกับทีมนักวาดภาพประกอบ นักสร้างแอนิเมชันแบบดั้งเดิม ศิลปิน 3 มิติ ผู้กำกับภาพยนตร์ และนักพัฒนา AI ที่นำโดยบริการด้านการผลิต 1stAveMachine ส่งผลให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคนิคแอนิเมชันตามความต้องการด้วยเครื่องมือ Generative AI แบบใหม่ กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการรวมพรอมท์ข้อความมากกว่า 300 รายการเข้ากับโมเดล AI ที่สร้างขึ้นเองมากกว่า 20 โมเดล และการแปลงภาพที่วาดด้วยมือ 457 ภาพ ส่งผลให้มีชั่วโมงแอนิเมชันมากกว่า 500 ชั่วโมงและการเรนเดอร์ AI 3,837 รายการที่ช่วยให้ลูกค้าสนุกไม่รู้จบในขณะที่สร้างภาพยนตร์ผจญภัยที่มีความแตกต่าง

ตามรายงานของ Ad Age Hruska กล่าวว่า "การใช้ Generative AI ทำให้เราเปลี่ยนจากการคิดแนวคิดเริ่มต้นเพียงไม่กี่อย่างไปสู่การสร้างเรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นและมีความสม่ำเสมอในระดับที่สูงมาก"¹

กลยุทธ์แคมเปญยังเน้นไปที่การให้โอกาสที่มองเห็นได้เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาที่ Honda Dream Generator รวมถึงแบนเนอร์กระตุ้นการตัดสินใจ และการเข้าครอบครองโฮมเพจของ Amazon.com ในวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งถือเป็นช่วงเปิดตัวประสบการณ์ดังกล่าว

"ทีมของเราทำงานเพื่อขยาย Canvas ของ Amazon ให้กับผู้โฆษณา และสำหรับโครงการนี้ เราสามารถผสานรวมช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายเข้าด้วยกัน ซึ่งรวมถึงร้านค้า Amazon, Fire TV และอุปกรณ์ Amazon Echo" McCagg กล่าว "ด้วยจุดที่ลูกค้าเจอสินค้าจำนวนมากเหล่านี้ เราต้องการช่วยให้ Honda เข้าถึงและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้เนื้อหาในรูปแบบที่แตกต่างกันในวงกว้าง"

นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมีนาคม แคมเปญนี้ได้ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วม การพิจารณา และความฮือฮาในอุตสาหกรรม Honda เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ Honda มองเห็นการยกระดับการรับรู้ของ Prologue ว่าเป็นมิตรกับครอบครัวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ²โดยรวมแล้ว แคมเปญนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในตัวชี้วัดหลักทั้งหมด รวมถึงการรับรู้ของแบรนด์โดยไม่ต้องมีการช่วยเตือนและการพิจารณาซื้อ³

"นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายอย่างกว้างขวางกับ Honda Dream Generator" Hruska กล่าว "ปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นการยืนยันอีกครั้งสำหรับเราว่าลูกค้าของเราต้องการโอกาสในการมีส่วนร่วมในประสบการณ์การโฆษณาที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งพวกเขาสามารถช่วยปรับโฉมได้"

McCagg ยังรู้สึกกระตือรือร้นเกี่ยวกับผลกระทบของการทำงานร่วมกัน โดยกล่าวเสริมว่า "โครงการนี้จะช่วยแจ้งข่าวสารผลงานของ Brand Innovation Lab เกี่ยวกับแคมเปญในอนาคตได้อย่างไม่ต้องสงสัย และผมตั้งตาคอยที่จะได้เห็นว่าเราจะไปในทิศทางใดต่อไป เรารู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอที่จะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เมื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นสามารถนำมาใช้เพื่อทำให้การโฆษณามีความหมายมากขึ้นสำหรับกลุ่มเป้าหมาย"